
ในปี 2017 ประเทศตุรกีได้เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมืองเมื่อประชาชนลงมติใน референдум เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdogan การเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่าย Erdogan กำหนดให้ประเทศตุรกีเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากรัฐสภาไปเป็นระบบประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากขึ้น
Erdogan ผู้ขึ้นมามีอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีในปี 2003 และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2014 มีความปรารถนาที่จะทำให้ตุรกีมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในเวทีโลกและต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เขาได้พยายามอย่างหนักในการปฏิรูปประเทศ โดยเน้นเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในอุตสาหกรรม และการขยายบทบาทของตุรกีในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม นโยบายเหล่านี้มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่ authoritarian
การเสนอแนะที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญนั้นเกิดขึ้นจากความต้องการของ Erdogan ที่ต้องการลดบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรและเพิ่มอำนาจให้กับตำแหน่งประธานาธิบดี การแก้ไขนี้จะทำให้ประธานาธิบดีสามารถแต่งตั้งรัฐมนตรีเอง บริหารกองทัพ และออกคำสั่งโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติของสภา
ฝ่ายสนับสนุน Erdogan อ้างว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ประเทศตุรกีมีความเสถียรมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายในขณะที่ฝ่ายค้านกังวลว่าการมอบอำนาจที่เพิ่มขึ้นให้กับประธานาธิบดีอาจนำไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
สถานการณ์ก่อนการลงมติ:
-
ความขัดแย้งทางการเมือง: ตุรกีเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มฝ่ายต่อต้าน Erdogan ที่โต้เถียงและคัดค้านนโยบายของเขา
-
สถานการณ์ฉุกเฉิน: หลังจากการพยายามรัฐประหารในปี 2016 Erdogan ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน ซึ่งทำให้เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลกำลัง đàn ápฝ่ายตรงข้าม
-
ความไม่มั่นใจในสื่อ: สื่ออิสระถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และผู้คนจำนวนมากเริ่มไม่ไว้วางใจข้อมูลข่าวสารจากสื่อกระแสหลัก
การลงมติ:
-
ผลการลงมติ: ประชาชนชาวตุรกีลงมติผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยคะแนน 51.4% ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อย
-
การโต้แย้ง: ผลการลงมติถูกโจมตีจากฝ่ายค้านที่กล่าวหาว่ามีการโกงและใช้อิทธิพลในการบังคับให้ประชาชนลงมติ
ผลกระทบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ:
-
อำนาจของ Erdogan: Erdogan ได้รับอำนาจที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดในตุรกี
-
ความกังวลเรื่องประชาธิปไตย: การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เกิดความกังวลว่าประเทศตุรกีกำลังหันไปสู่ระบอบ authoritarian
ตารางแสดงผลการลงมติ referendum |
หัวข้อ | ผล |
---|---|
เปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วย | 51.4% |
เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เห็นด้วย | 48.6% |
อัตราการลงคะแนน | 87.4% |
Erdogan’s referendum on shifting Turkey toward a presidential system ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมตุรกี การตัดสินใจครั้งนี้มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออนาคตของประเทศ
หมายเหตุ: ข้อมูลจากบทความนี้มาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองตุรกีและ referendum ในปี 2017.