การปฏิวัติ 1893: การต่อสู้เพื่อสาธารณรัฐและความเป็นอิสระของบราซิลจากจักรวรรดิ

หากคุณเคยคิดถึงบราซิล คุณอาจนึกถึงชายหาดที่สวยงาม, จังหวัดอามาซอนที่กว้างใหญ่ไพศาล หรือแม้แต่คาร์นิวอลที่มีชีวิตชีวาของริโอ เดอ จาเนโร. อย่างไรก็ตาม น้อยคนนักที่จะรู้ว่าประเทศนี้เคยผ่านการต่อสู้ครั้งสำคัญเพื่อกำหนดชะตาของตนเอง การปฏิวัติปี 1893 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลของบราซิล และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของผู้คน

การปฏิวัตินี้เกิดขึ้นจากการลุกฮือของประชาชนหลายกลุ่ม รวมทั้งทหาร, ชาวไร่, และนักวิชาการ ที่ไม่พอใจกับระบอบราชมอนาร์กี ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการปกครองที่ล้าหลังและขาดประชาธิปไตย.

หนึ่งในบุคคลสำคัญของการปฏิวัตินี้คือ เดอ โอดิซู ซิลวา (Deodoro da Fonseca) รัฐมนตรีกระทรวงสงคราม ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็น “วีรชน” และ “ผู้นำ”.

เดอ โอดิซู เป็นทหารที่เก่งกาจและมีความมั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง. เขาได้รับการฝึกฝนทางทหารมาอย่างดี และเคยมีประสบการณ์ในการรบมากมาย. เดอ โอดิซู เชื่อว่าบราซิลควรเป็นสาธารณรัฐที่มีความเป็นธรรมและเสรีภาพให้กับประชาชน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1889 เดอ โอดิซู ร่วมมือกับกลุ่มทหารคนอื่นๆ ก่อการกบฏขึ้นโดยยึดอำนาจจากจักรพรรดิเปโดรที่สอง

เหตุการณ์สำคัญของการปฏิวัติ:

• การลุกฮือ:

• การก่อตั้งสาธารณรัฐ:

การปฏิวัติปี 1893 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในบราซิล. ระบบการปกครองแบบราชมอนาร์กีสิ้นสุดลง และบราซิลได้ก้าวเข้าสู่ยุคของสาธารณรัฐ

ผลกระทบต่อบราซิล:

• ความเป็นประชาธิปไตย: การปฏิวัตินำไปสู่การกำหนดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชน
• การพัฒนาเศรษฐกิจ: บราซิลได้เริ่มดำเนินโครงการเพื่อ

กระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

• การรวมชาติ: การปฏิวัติช่วยให้ประเทศมีความสามัคคีมากขึ้น และสร้างความรู้สึกเป็นชาตินิยม

เดอ โอดิซู ซิลวา ถือว่าเป็นวีรบุรุษของบราซิล เพราะเขามีบทบาทสำคัญในการนำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน. อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของเขาภายหลังก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย ซึ่งทำให้เดอ โอดิซู ลาออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 1891

แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการดำเนินการของเดอ โอดิซู ในช่วงหลัง แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของเขาในการนำบราซิลไปสู่การเป็นสาธารณรัฐ