
ตลอดประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา การต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองและความเท่าเทียมกันนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในขบวนการที่สำคัญที่สุดก็คือ การเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งให้แก่ผู้หญิง ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานกว่าเจ็ดสิบปีเต็ม
ผู้หญิงอเมริกันจำนวนมากถูกกีดกันจากสิทธิพื้นฐานในการมีส่วนร่วมทางการเมือง แม้ว่าพวกเขาจะเสียภาษีและต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ชายก็ตาม สถานการณ์นี้สร้างความไม่滿ใจอย่างมาก และในที่สุดก็ได้จุดชนuan
Ulysses S. Grant เป็นบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้นำของขบวนการ แต่บทบาทของเขานั้นมีอิทธิพลอย่างมาก
Grant เป็นประธานาธิบดีคนที่ 18 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นนายพลที่นำทัพสหภาพไปสู่ชัยชนะในสงครามกลางเมืองอเมริกา เขามีชื่อเสียงในด้านความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกัน
Grant สนับสนุนสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง และในปี ค.ศ. 1870 เขาได้ลงนามในพระราชบัญญัติที่สิบห้า ซึ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา และอนุญาตให้พลเมืองทุกคนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปมีสิทธิในการเลือกตั้ง โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ
แม้ว่าพระราชบัญญัติที่สิบห้าจะไม่ได้รวมสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิงโดยตรง แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปิดทางสำหรับการต่อสู้เพื่อความเสมอภาคในอนาคต
สาเหตุและการขยายตัวของการประท้วงสิทธิเลือกตั้ง
การเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิงเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และขยายตัวอย่างรวดเร็ว
- ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมและการเมือง:
ผู้หญิงอเมริกันถูกกีดกันจากหลายด้าน เช่น สิทธิในการลงคะแนนเสียง, สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน, และสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาที่สูงขึ้น
- อิทธิพลของขบวนการต่อต้านทาส:
หลังจากสงครามกลางเมืองอเมริกา ผู้ที่สนับสนุนสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิงได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของขบวนการต่อต้านทาส และพวกเขาก็เชื่อว่าสตรีควรมีสิทธิเท่าเทียมกันกับบุรุษ
- การก่อตั้งองค์กร:
การก่อตั้งองค์กรสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง เช่น National Woman Suffrage Association (NWSA) และ American Woman Suffrage Association (AWSA) ได้ช่วยให้ขบวนการนี้ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากสตรีจำนวนมาก
วิธีการประท้วงของผู้หญิง
ผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเลือกตั้งของตนใช้เทคนิคการประท้วงหลากหลาย เพื่อดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน และกดดันรัฐบาลให้ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงมีสิทธิในการเลือกตั้ง:
- การเดินขบวนและการชุมนุม:
การรวมตัวกันอย่างสงบของสตรีจำนวนมากบนท้องถนนเพื่อแสดงจุดยืนและเรียกร้องสิทธิ
- การเผยแพร่ข้อมูล:
การเขียนบทความ, บทบรรณาธิการ, และหนังสือ เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นในการให้สิทธิเลือกตั้งแก่ผู้หญิง
- การล็อบบี้รัฐบาล:
การโน้มน้าวสมาชิกสภานิติบัญัติให้สนับสนุนกฎหมายสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง
- การประท้วงอย่างไม่รุนแรง:
การปฏิเสธการจ่ายภาษี, การยึดสถานที่สาธารณะ, และการใช้เครื่องแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์
ผลลัพธ์และความสำเร็จของการเคลื่อนไหวสิทธิเลือกตั้ง
หลังจากต่อสู้มานานกว่า 70 ปี สุดท้ายผู้หญิงอเมริกันก็ได้รับสิทธิเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1920 ด้วยการผ่านพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 19
ความสำคัญของการเคลื่อนไหวสิทธิเลือกตั้ง
การเคลื่อนไหวสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิงเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา การต่อสู้ครั้งนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองที่รุนแรง และช่วยสร้างความเท่าเทียมกันมากขึ้นระหว่างชายและหญิง
นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขยายสิทธิพลเมืองของกลุ่มอื่นๆ อีกด้วย เช่น ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และชาวเอเชีย-อเมริกัน การเคลื่อนไหวสิทธิเลือกตั้งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความอดทน และความกล้าหาญที่จำเป็นในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและเสรีภาพ
ตารางเปรียบเทียบการประท้วงสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา
ปี | เหตุการณ์สำคัญ | ผลกระทบ |
---|---|---|
1848 | การประชุม Seneca Falls | เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นการประชุมสิทธิสตรีครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และนำไปสู่การก่อตั้งขบวนการสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง |
1869 | ก่อตั้ง National Woman Suffrage Association (NWSA) และ American Woman Suffrage Association (AWSA) | แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจัดระเบียบและรวมกลุ่มของผู้สนับสนุนสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง |
1913 | การเดินขบวน Women’s Suffrage Parade in Washington, D.C. | การประท้วงครั้งนี้ดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้หญิงในการต่อสู้เพื่อสิทธิเลือกตั้ง |
1920 | การผ่านพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 19 | มอบสิทธิเลือกตั้งแก่ผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา |
แม้ว่า Ulysses S. Grant จะไม่ได้เป็นผู้นำของขบวนการสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง แต่การสนับสนุนของเขากระทำต่อพระราชบัญญัติที่สิบห้าและความเชื่อมั่นในความเท่าเทียมกัน ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ต่อสู้เพื่อความเสมอภาค และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา.